Month: June 2020

10 เทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต 10 แนวทางการปรับตัว

Posted on by admin_beacon_2024

ปัจจุบันเทคโนโลยีใหม่ๆ ถูกพัฒนาในอัตราเร่งที่สูงกว่าในอดีตอย่างเทียบกันไม่ติด ในอนาคตข้างหน้าอีกไม่กี่ปี อาจเกิดนวัตกรรมใหม่ๆ มากมายจนบางทีคุณเองก็อาจจะปรับตัวตามไม่ทัน

บทความนี้จะนำคุณมาพบกับ 10 เทคโนโลยีที่กำลังถูกพัฒนา และจะสร้างรากฐานใหม่ของโลกในอนาคต และเป็นที่สนใจของเหล่านักลงทุนทั่วโลก มาดูกันเลยว่าจะมีอะไรบ้าง

 

Bioplastic

 

ในแต่ละปีทั่วโลกจะใช้พลาสติกรวมกันกว่า 300 ล้านตัน แต่มีจำนวนไม่ถึง 15% ที่ถูกนำมารีไซเคิล ส่วนที่เหลือจะส่งไปกำจัดด้วยการเผา หรือฝังไว้ใต้หลุมขยะ ซึ่งใช้ระยะเวลาหลายร้อยปีกว่าจะย่อยสลายได้ โลกในอนาคตจึงอาจเต็มไปด้วยขยะพลาสติก

โดยทั่วโลกเองก็ตระหนักถึงผลกระทบนี้ จึงเริ่มมีการรณรงค์ให้ห้างร้านต่างๆ งดใช้ถุงพลาสติกในการจับจ่ายซื้อของ แต่ก็ส่งผลให้เกิดความไม่สะดวกต่อผู้บริโภค วัสดุที่สามารถเข้ามาแทนที่พลาสติกแต่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม จึงได้รับความสนใจมากขึ้น

Bioplastic หรือพลาสติกชีวภาพ เป็นเทคโนโลยีที่สังเคราะห์ส่วนประกอบจากพืชเพื่อสร้างเป็นวัสดุทดแทนพลาสติก แม้ความแข็งแรงคงทนจะไม่สามารถเทียบเท่ากับพลาสติกแบบดั้งเดิม แต่ก็สามารถย่อยสลายได้รวดเร็วกว่า และที่สำคัญไม่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม

ผลกระทบที่พลาสติกสร้างให้กับโลกเริ่มถึงจุดวิกฤตแล้ว ในยุคสมัยที่ผู้คนให้ความสำคัญกับธรรมชาติมากขึ้น Bioplastic จะกลายเป็นส่วนสำคัญที่จะค่อยๆ ลดการสร้างมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม เป็นเทคโนโลยีแห่งโลกในอนาคตอย่างแท้จริง

AI ที่เข้าใจมนุษย์มากขึ้น

 

การเข้ามาของสมาร์ทโฟน ทำให้โลกของเราได้ก้าวเข้าสู่ยุคของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence – AI) อย่างแท้จริง ด้วยฟังก์ชั่นต่างๆ อย่างระบบจดจำใบหน้า ลายนิ้วมือ ท่าทาง น้ำเสียงของมนุษย์ ซึ่งทำให้เกิดการเก็บข้อมูล Big Data อย่างมหาศาลจากฟังก์ชั่นเหล่านี้ ซึ่งเป็นส่วนขับเคลื่อนที่ทำให้ AI ถูกพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว

ปัจจุบัน AI ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมีทักษะที่เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับพฤติกรรมของมนุษย์ ทั้งความสามารถในการคิดเพื่อแก้โจทย์ปัญหาต่างๆ รวมถึงการพูดคุยโต้ตอบกับมนุษย์ได้

ในช่วง 3-4 ปีมานี้เทคโนโลยี AI มีพัฒนาการที่ค่อนข้างก้าวกระโดด มีการนำ AI มาใช้ในการวินิจฉัยโรค พัฒนาระบบรถยนต์ไร้คนขับ ระบบอัตโนมัติภายในโรงงานอุตสาหกรรม หรือ Social Robots หุ่นยนต์ที่ถูกพัฒนาเพื่อเป็นเสมือนเพื่อนของมนุษย์ ซึ่งสามารถโต้ตอบ และแสดงอารมณ์ได้คล้ายกับมนุษย์จริงๆ

แม้ว่า AI ในปัจจุบันจะมีความสามารถเพียงพอในหลายๆ ด้านแล้ว แต่การพัฒนา AI ก็ยังคงมีการแข่งขันสูง และยังคงพัฒนากันอย่างต่อเนื่อง ไม่แน่ว่าในอนาคตโลกของเราอาจจะมี AI ระดับสูงที่เราสามารถพูดคุย ร่วมประสานงานได้เหมือนเป็นมนุษย์คนหนึ่งเลยก็ว่าได้

 

​Metalens

 

Metalens คือเทคโนโลยีของเลนส์รูปแบบใหม่ที่มีความบางเพียงระดับไมครอน เป็นนวัตกรรมที่สร้างขึ้นมาเพื่อยกระดับคุณภาพของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้เลนส์เป็นส่วนประกอบหลัก เช่น กล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือ เซ็นเซอร์ตรวจจับภาพ รวมถึงกล้องส่องทางการแพทย์

โดยปกติแล้วเลนส์ทั่วไปจะใช้การโค้งนูนเพื่อทำการรวมแสงให้เข้ามายังจุดเดียว จึงทำให้มีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ แต่ Metalens นั้นแม้จะมีขนาดเล็ก แต่ก็สามารถรวมแสงทั้งหมดเอาไว้ได้ที่จุดเดียว นวัตกรรมนี้จึงอาจเป็นการปฏิวัติวงการกล้องต่างๆ เลยก็ว่าได้

ปัจจุบัน Metalens ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา แต่ว่าในอนาคตเลนส์ตัวนี้จะมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในด้านการแพทย์ ยิ่งกล้องส่องที่ใช้ในการรักษามีขนาดเล็กลง บริเวณที่สามารถสำรวจและหาแนวทางรักษาร่างกายมนุษย์ก็มีมากขึ้นเท่านั้น

 

เนื้อสัตว์สังเคราะห์

 

องค์การสหประชาชาติได้การคาดการณ์ว่า ในปี 2050 จำนวนประชากรมนุษย์จะเพิ่มมากถึง 9.8 พันล้านคน แน่นอนว่าความต้องการด้านอาหารเองก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเช่นเดียวกัน ซึ่งเสี่ยงต่อเกิดวิกฤตการขาดแคลนอาหาร โดยเฉพาะ “เนื้อสัตว์” ที่คาดว่าจะมีความต้องการมากขึ้นกว่าปัจจุบันถึง 70%

เพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตการขาดแคลนอาหาร เหล่านักวิทยาศาสตร์จึงให้ความสนใจกับการสร้าง “เนื้อสัตว์สังเคราะห์” (Cultured Meat) ขึ้นมา โดยสังเคราะห์ขึ้นมาจากการนำ Stem Cells ของสัตว์ต้นแบบมาเพาะเลี้ยงภายในถังปฏิกรชีวภาพ (Bioreactor) แล้วเติมสารอาหารที่จำเป็นเข้าไปเพื่อให้เนื้อเติบโต

เนื้อสังเคราะห์ถูกเปิดเผยครั้งแรกในปี 2013 โดยทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Maastricht ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งขณะนั้นมีต้นทุนในการผลิตเนื้อ 1 กิโลกรัมอยู่ที่ 478,993 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 15 ล้านบาท

แม้จะได้รับความสนใจจากทั่วโลก แต่ด้วยต้นทุนที่สูงลิบจึงยังไม่สามารถนำออกมาวางจำหน่ายได้

จนกระทั่งไม่กี่ปีมานี้มีสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอาหารมากมายเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก เทคโนโลยีใหม่ๆ ในด้านการผลิตเนื้อสังเคราะห์ก็เกิดขึ้นมามากมาย ส่งผลให้การแข่งขันสูงขึ้น แต่ต้นทุนในการผลิตลดลง โดยล่าสุดมีต้นทุนเพียง 11 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ 1 กิโลกรัมเท่านั้น

นี่จึงกลายเป็นเทคโนโลยีแห่งความหวังของโลกในอนาคตที่อาจช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนอาหารที่เกิดขึ้นทั่วโลก

Collaborative Represent

 

เทคโนโลยีเสมือนอย่าง Augmented Reality (AR) หรือ Virtual Reality (VR) เมื่อรวมกับความเร็วในการสื่อสารผ่านโครงข่าย 5G ที่จะเข้ามาในอนาคต ต่อไปการติดต่อประสานงานไม่ใช่เพียงแค่การได้ยินเสียงหรือเห็นภาพ แต่อาจรู้สึกเหมือนกำลังนั่งทำงานอยู่ภายในห้องเดียวกันก็เป็นได้

นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาระบบเซนเซอร์คุณภาพสูง เพื่อเพิ่มฟังก์ชั่นในการสัมผัสกับอีกฝ่าย ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อการประชุมในด้านการแพทย์ในอนาคต

ระบบการติดตามอาหารผ่าน Blockchain

 

เทคโนโลยี Blockchain จะเข้ามามีบทบาทกับอุตสาหกรรมอาหารมากขึ้นในฐานะเครื่องมือติดตามการเคลื่อนไหวของอาหาร ตั้งแต่จากฟาร์มผลิตจนถึงโต๊ะอาหาร ซึ่งจะทำให้สามารถตรวจสอบถึงความปลอดภัยจากวงจรการเคลื่อนไหวของอาหารจานนี้ได้

รวมถึงยังใช้ในการสืบค้นข้อมูลย้อนหลังหากอาหารที่ทานเข้าไปเกิดการปนเปื้อนได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งเซนเซอร์ไว้ภายในบรรจุภัณฑ์สำหรับบอกเวลาที่อาหารจะเริ่มเน่าเสีย เพื่อจะได้ดำเนินการจัดการได้อย่างทันท่วงที ช่วยให้อาหารที่ใกล้เสียหายแล้วสามารถนำไปทำให้เกิดประโยชน์อื่นๆ ได้

 

เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ปลอดภัยมากขึ้น

 

เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เป็นแหล่งพลังงานชั้นดีที่สร้างพลังงานได้มากกว่าโรงงานไฟฟ้าหลายเท่าตัว อีกทั้งยังก่อให้เกิดมลภาวะค่อนข้างต่ำ แต่ก็มีความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูง เพราะถ้าหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น กัมมันตภาพรังสีที่เล็ดลอดออกมาจะสร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศเป็นวงกว้าง

โดยเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์รูปแบบใหม่นั้นถูกสร้างขึ้นให้มีโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุใกล้เคียงกับศูนย์ รวมถึงในกรณีฉุกเฉินก็สามารถระงับปริมาณของกัมมันตภาพรังสีที่รั่วไหลออกมาได้

เตาปฏิกรณ์ประเภทใหม่นี้ถูกเรียกว่า Small Modular Reactors (SMR) ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าเตาปฏิกรณ์รูปแบบปกติ ในระดับที่สามารถขนย้ายผ่านรถบรรทุกได้ โดยมีการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยใหม่ในรูปแบบ Passive Safety ที่ใช้หลักฟิสิกซ์มาเพื่อควบคุมความปลอดภัยในกรณีฉุกเฉิน

ด้วยขนาดที่เล็ก และความปลอดภัยที่ถูกยกระดับขึ้น พื้นที่ห่างไกลที่ขาดแคลนพลังงานก็จะสามารถเข้าถึงไฟฟ้า และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นไปอีกได้

 

การยับยั้ง Intrinsically Disordered Proteins

 

Intrinsically disordered proteins (IDPs) คือโปรตีนชนิดพิเศษที่มีความสามารถในการเปลี่ยนรูปร่างเซลล์ภายในตัวของมันได้ ซึ่งการเปลี่ยนลักษณะของมันเป็นต้นกำเนิดของโรคร้ายแรงต่างๆ อย่างเช่น โรคมะเร็ง

แต่เนื่องจากโปรตีนชนิดนี้มีโครงสร้างที่ไม่ชัดเจน สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบเซลล์ได้ตลอดเวลา จึงไม่สามารถทำการรักษาแบบเฉพาะเจาะจงได้ ทำให้การรักษาโรคที่เกิดจากโปรตีนชนิดนี้นั้นเป็นไปได้ยากมาก

แต่ปัจจุบันได้ค้นพบวิธีที่จะป้องกันและยับยั้งไม่ให้เกิดการปรับเปลี่ยนรูปแบบของโปรตีน IDPs ได้แล้ว จึงมีความเป็นไปได้ว่า โลกในอนาคตอาจไม่มีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งแล้วก็เป็นได้ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่จะปฏิวัติวงการแพทย์ไปตลอดกาล

ระบบการเก็บข้อมูลผ่าน DNA

 

นอกจากความสำเร็จในการยับยั้งโปรตีน IDPs เทคโนโลยีทางชีวภาพอื่นๆ เองก็ถูกพัฒนาขึ้นเช่นเดียวกัน อีกหนึ่งนวัตกรรมแห่งอนาคตนั้นก็คือ ระบบการเก็บข้อมูลผ่าน DNA

เพราะในปัจจุบันมนุษย์ได้สร้างข้อมูลต่างๆ เอาไว้ในปริมาณมหาศาล ซึ่งโลกในอนาคตข้างหน้าก็จะมีข้อมูลเข้ามาอีกมากมาย ซึ่ง Server ที่มีอยู่ของมนุษย์อาจไม่เพียงพอต่อการรองรับข้อมูลในปริมาณนี้

จึงมีการคิดค้นเทคโนโลยีการกักเก็บข้อมูลไว้ภายใน DNA ของสิ่งมีชีวิต โดยจากงานวิจัยแล้ว DNA ขนาดเล็กเท่าเข็มหมุดก็สามารถจัดเก็บข้อมูลได้มากถึง 125,000 GB เลยทีเดียว

โดย DNA ที่ใช้เก็บข้อมูลนั้นไม่ได้มาจากมนุษย์หรือสัตว์ชนิดใด แต่เป็น DNA ที่สังเคราะห์ขึ้นมาภายในห้องแล็บโดยเฉพาะ จึงไม่ถือว่าเป็นเทคโนโลยีชีวภาพที่ผิดศีลธรรม

นอกจากจะเป็นการกักเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและประหหยัดพื้นที่แล้ว ยังเป็นการลดปริมาณของขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย

 

แหล่งเก็บพลังงานสะอาด

 

การผลิตไฟฟ้าด้วยระบบพลังงานหมุนเวียนอย่าง แสงอาทิตย์ ลม หรือน้ำ ค่อนข้างมีความผันผวนเพราะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศซึ่งมนุษย์ไม่สามารถควบคุมได้ เทคโนโลยีที่สามารถกักเก็บพลังงานสำรองเอาไว้ใช้จ่ายไฟฟ้าในภายหลังได้จึงจำเป็นอย่างยิ่ง

ด้วยเทคโนโลยีอย่าง Flow Batteries, Fuel Cells หรือ Gravity Storage จะทำให้สามารถกักเก็บพลังงานทดแทนเหล่านี้เอาไว้ในช่วงเวลาที่ระบบไม่สามารถผลิตได้

 

Summary

 

นี่เป็นเพียงบางส่วนของเทคโนโลยีที่คุณจะได้พบในอนาคตเท่านั้น อย่าลืมว่ามีการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา Tech Startup จึงต้องสร้างความเข้าใจในเทคโนโลยีเหล่านี้ และสรรสร้างสิ่งใหม่ที่เหนือกว่า

ความเข้าใจในเทคโนโลยีเหล่านี้ จะเป็นกุญแจที่จะทำให้คุณก้าวไปสู่อนาคตได้เร็วกว่าใคร และประสบความสำเร็จได้ไวกว่าผู้อื่น

Eventpop empowers online ticketing for six zoos under Zoological Park Organization

Posted on by admin_beacon_2024

Online ticketing for six zoos under Zoological Park Organization under the Royal Patronage of His Majesty the King – Khao Kheow Open Zoo, Chiang Mai Zoo, Nakhon Ratchasima Zoo, Songkhla Zoo, Ubon Ratchathani Zoo and Khon Kaen Zoo – is now available on Eventpop.

Additionally, the Ministry of Natural Resource and Environment Thailand has announced the six zoos will be open for visiting free of charge during 15 – 30 June 2020. Thereafter, entry fees will be on a 50% discount from July onwards until the COVID-19 situation in Thailand is considered to be better.

In the beginning, up to 2,000 visitors will be allowed per day at each zoo, which will have two sessions between 08:00-12:00 and 12:00-17:00, and advanced booking is required via online at Eventpop or phone. All visitors are requested to comply with the ‘Zoo New Norm’ protocol, including wearing masks at all times within the zoo, allowing temperature checks by the zoo and maintain physical distancing between each other.

 

Contact:

  • Khao Kheow Open Zoo 038 318 444
  • Chiang Mai Zoo 053 221 179
  • Nakhon Ratchasima Zoo 083 372 0404
  • Songkhla Zoo 074 598 555
  • Ubon Ratchathani Zoo 045 252 761
  • Khon Kaen Zoo 086 455 6341

SMEs can run payrolls online via FlowPayroll app

Posted on by admin_beacon_2024

In brief:

  • Thailand’s SMEs are the “backbone of Thailand’s economy,” but their cost of managing employee payroll and complying with regulations remains high.
  • COVID-era work-from-home practices have greatly created the demand for online payroll solutions among small businesses.
  • FlowAccount has partnered with KBank to offer online payroll process service via a web browser-based app, FlowPayroll.
  • FlowPayroll has already onboarded over 10,000 Thai SMEs

FlowAccount, one of many leading startups in Beacon VC’s portfolio, has recently launched an online payroll service aiming to empower Thai SMEs with more robust HR solutions. FlowPayroll is integrated with Kasikornbank’s K-Cash Connect Plus and helps entrepreneurs and small business owners seamlessly manage their HR headaches remotely, anywhere and anytime. The free trial period starts now.

COVID-19 forces business owners to pay deeper attention to cost-saving measures and ways to maintain liquidity. These business owners are also becoming more hands-on with day-to-day business operations from sales management, marketing, accounting, to payroll management. The rapid increase in the number of tasks that the owners have to manage drives stronger demand for remote business management tools.

Payroll management, the universal headache for business owners

Even the smallest businesses require payroll management. Without an in-house accountant or human resources department, this task automatically falls to business owners. Every month, business owners must handle sensitive and complicated salary information, while trying hard to meet monthly deadlines. However, there aren’t any existing low-cost tools in the market that can help business owners manage payroll in a reliable and time-efficient fashion.

“Many business owners open up a spreadsheet, type in employee names, and plug in some formulas to calculate social contributions and taxes. They’ll do transfers online to their employees, one by one. Some of them might even drive over to their bank to make the transfers,” says Kridsada Chutinaton, co-founder of FlowAccount. “They spend several hours a month on this and they still aren’t confident that their final figures are accurate.”

FlowAccount recognizes this pain point in the market and aims to address it.

“Most of our customers are new generation entrepreneurs who prefer to use online tools,” Chutinaton continues. “And as business owners, running their payroll is a headache. We developed our online payroll solution, FlowPayroll, in response to this. It makes calculations in essential salary items, generates important documents, and can easily be linked with online bank accounts to make salary payments.”

FlowPayroll is part of a suite of financial solutions for SMEs designed for easy and quick setup. Other tools include FlowAccount, a cloud-based financial accounting app, and an online credit application for GrabFinance.

 

FlowPayroll: An Online Payroll Solution for SMEs

FlowPayroll is an online, browser-based payroll program that helps business owners quickly and easily run their payroll. It also allows business owners to instantly see an overview of salary expenditures.

The main page of a FlowPayroll account is the Dashboard, which is a colorful visual summary of a business’s inflows and outflows. Key dimensions and numbers, such as salary or revenue, are shown in real-time using simple graphs to help owners assess the health of their business.

One of the most unique features of FlowPayroll is its secure link to K-Cash Connect Plus from KBank. Owners can use FlowPayroll to record their employee salary, and the system will automatically calculate tax deductions and provident fund contributions. Upon user authorization, the system then uploads required documents and salary amounts directly to the KBank payroll system. With one additional click, business owners make payroll bank transfers to multiple employees at once.

FlowPayroll users can opt to use its counterpart financial accounting solution, FlowAccount. Used together, payroll expenditures are automatically synced with FlowAccount’s financial records. The result is a more time-efficient way of to conduct payroll and financial accounting. It also gives an accurate and complete view of a business’s activities, so business owners are armed with the information they need to manage costs.

At present, over 10,000 businesses currently use FlowPayroll to pay over 70,000 employees.

FlowPayroll offers quick video tutorials as well as weekly free online courses to help new users get started.

Video: FlowPayroll https://youtu.be/-yojm8gBk8Q (Thai language)

FlowPayroll runs on web browsers, and 30-day free-trials are available at  https://flowpayroll.co currently. For more information, call +662026898 (Thai and English).


Founded in 2015, FlowAccount is an easy-to-use cloud accounting solution designed specifically for Thai small businesses. Our fintech software helps small business owners with invoicing, expense tracking, payroll, and reporting. Our goal is to make world-class software that helps small businesses save time, improve productivity, and ultimately increase their probability of success. 

Founded in 2017, Beacon VC is a wholly-owned corporate venture capital fund of Kasikornbank PLC (SET: KBANK), a leading commercial bank in Thailand with the highest mobile penetration and largest SME base. With an initial fund of $30 million, Beacon VC focuses on strategic investments in early to growth-stage technology startups covering not only financial technology (fintech) but also consumer internet and enterprise technology. In 2018, Beacon VC expanded its fund size to $135 million.

For additional information:
Ms. Saranrat Waikiat, Corporate Communications (Thai & English)
[email protected]
Tel. +66 85 156 5241

General inquiries:
FlowAccount Co., Ltd. (Bangkok, Thailand)
Tel: +6620268989
www.flowaccount.com

ทักษะแห่งอนาคตที่คุณควรรู้และควรปรับตัว

Posted on by admin_beacon_2024

ในยุคสมัยที่เรากำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่ (Fourth Industrial Revolution) ด้วยเทคโนโลยีแห่งอนาคตอย่างปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์อัตโนมัติ หรือนาโนเทคโนโลยี สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล โดยเฉพาะกับการทำงานซึ่งเทคโนโลยีสามารถทำหน้าที่ได้ดีเทียบเท่าหรือดียิ่งไปกว่ามนุษย์ มนุษย์จึงจำเป็นต้องพัฒนาทักษะของตนเองไปสู่ทักษะแห่งอนาคต ซึ่งเป็นทักษะที่ทำให้คุณโดดเด่นกว่าคนอื่นและเทคโนโลยียังไม่สามารถแทนที่ได้ โดยทักษะแห่งอนาคตที่คุณควรมีติดตัวนั้นประกอบไปด้วย

 

ทักษะที่หนึ่ง: ความคิดสร้างสรรค์

 

ทักษะแห่งอนาคตที่คุณควรมีเป็นสิ่งแรกคือความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งหมายถึงความสามารถในการคิดค้นประดิษฐ์หรือพลิกแพลงนวัตกรรมและวิธีการใหม่ๆ ที่แตกต่างออกไปจากที่มีอยู่เดิม

เหตุที่ความคิดสร้างสรรค์กลายเป็นสิ่งจำเป็น เพราะปัญหา อุปสรรคหรือความท้าทายที่คุณอาจจะต้องเจอในอนาคตมีแนวโน้มที่จะแตกต่างจากสิ่งที่เป็นมาในอดีตอย่างโดยสิ้นเชิง และเครื่องมือหรือวิธีการที่มีอยู่ในปัจจุบันอาจไม่ช่วยแก้ปัญหาให้กับคุณได้ ความคิดสร้างสรรค์จะกลายเป็นกุญแจสำคัญในการนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือวิธีการทำงานแบบใหม่ๆ ที่จะช่วยทำให้คุณประสบความสำเร็จในอนาคต

 

ทักษะที่สอง: ความฉลาดทางอารมณ์

 

ทักษะแห่งอนาคตอย่างที่สองที่มีความสำคัญคือความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) ซึ่งหมายถึงความสามารถในการควบคุมและบริหารจัดการอารมณ์ของตนเอง รวมไปถึงความสามารถในการคาดเดาและเข้าใจอารมณ์ของผู้คนรอบข้าง

แม้ว่าในปัจจุบันที่เครื่องจักรกลและคอมพิวเตอร์จะเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์มากขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณยังคงต้องทำงานและติดต่อกับเพื่อนร่วมงานของคุณอยู่ และความฉลาดทางอารมณ์จะช่วยทำให้คุณเข้าใจและเห็นอกเห็นใจต่อเพื่อนร่วมงานมากขึ้น ซึ่งความเข้าใจที่เกิดขึ้นจะส่งเสริมให้คุณทำงานกับผู้อื่นได้ดีและเสริมสร้างกระบวนการทำงานเป็นทีมให้กับตัวคุณ

 

ทักษะที่สาม: การคิดวิเคราะห์

 

ทักษะแห่งอนาคตหมายเลขสามคือทักษะการคิดวิเคราะห์ ซึ่งหมายถึงการใช้ตรรกะและเหตุผลในการวิเคราะห์สมมติฐานต่างๆ โดยใช้ข้อมูลที่คุณมีอยู่เป็นพื้นฐานในการวิเคราะห์ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่เป็นยุคของ Big Data ซึ่งมนุษย์สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างเป็นจำนวนมาก ทักษะการคิดวิเคราะห์จะทำให้คุณเข้าใจข้อมูล มองเห็นความสัมพันธ์ของข้อมูลและมองเห็นวิธีการแก้ปัญหาจากข้อมูลที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ทักษะการคิดวิเคราะห์จะช่วยให้คุณคิดอย่างมีเหตุผลและเปิดกว้างต่อวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

ทักษะที่สี่: ความกระหายที่จะเรียนรู้

 

ทักษะแห่งอนาคตทักษะที่สี่ที่คุณควรมีคือความกระหายที่จะเรียนรู้ (Active Learning) ซึ่งมาควบคู่กับความคิดที่ต้องการจะเติบโต (Growth Mindset) ซึ่งจะกระตุ้นให้คุณมีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

จากรายงาน The Future of Jobs โดย World Economic Forum ได้คาดการณ์ว่าภายในปีคริสต์ศักราช 2022 ทักษะการทำงานที่เป็นที่ต้องการจะเปลี่ยนไปจากเดิมถึง 42% ทำให้การทำงานในอนาคตล้วนต้องการทักษะใหม่ๆ ในขณะเดียวกันทักษะที่คุณมีอยู่แล้วอาจมีการเปลี่ยนแปลงและอัพเดตอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นความกระหายที่จะเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆจะช่วยเพิ่มพูนทักษะของคุณและทำให้คุณก้าวหน้าในการทำงานมากยิ่งขึ้น

 

ทักษะที่ห้า: การตัดสินใจ

 

ทักษะแห่งอนาคตทักษะที่ห้าคือทักษะในการตัดสินใจ ที่แม้ว่าเครื่องจักรกลในปัจจุบันจะสามารถทำการตัดสินใจได้ด้วยตนเองจากการรับรู้ข้อมูลที่มีอยู่ แต่มนุษย์ยังคงมีความสำคัญในฐานะผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย (Final Decision Maker) เหตุผลที่คุณจำเป็นต้องมีความสามารถในการตัดสินใจ เพราะด้วยความสามารถของมนุษย์ที่สามารถมองถึงความสำคัญในภาพรวม (Broader Implication) และคำนึงถึงประเด็นที่เครื่องจักรไม่สามารถคิดแทนได้เช่นเหตุผลด้านศีลธรรม (Moral Decision) ความสามารถในการตัดสินใจนี้เองที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากเครื่องจักรกล

 

ทักษะที่หก: การสื่อสารระหว่างบุคคล

 

ทักษะแห่งอนาคตอย่างที่หกคือ ทักษะการสื่อสารระหว่างบุคคล ซึ่งหมายถึง ทักษะในการการสื่อสารให้ชัดเจน ตรงประเด็น และเหมาะสม กับเพื่อนร่วมงานและบุคคลที่มีส่วนร่วมกับงานของคุณ การสื่อสารระหว่างบุคคลถือเป็นเรื่องจำเป็น โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่การทำงานระยะไกล (Remote Working) จะกลายเป็นระเบียบวิธีการทำงานหลักแทนที่การทำงานแบบเดิมที่ทุกคนจำเป็นต้องมารวมกัน ซึ่งทำให้การติิดต่อประสานงานกับเพื่อนร่วมงานให้ทุกคนเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้งานของคุณเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ทักษะที่เจ็ด: ความเป็นผู้นำ

 

ทักษะแห่งอนาคตที่จำเป็นประการที่เจ็ดคือทักษะความเป็นผู้นำ ซึ่งความเป็นผู้นำไม่ใช่แค่ทักษะของการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ แต่หมายถึงการเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจและทำให้คนในทีมใช้ศักยภาพที่ตนมีได้อย่างเต็มที่มากที่สุด ทักษะความเป็นผู้นำจะทำให้คุณบริหารจัดการงานในขอบเขตความรับผิดชอบของคุณไม่ว่าจะเป็นโปรเจคต่างๆ หรืองานที่คุณต้องทำร่วมกับผู้อื่นให้สามารถรุดหน้าต่อไปได้ รวมไปถึงการเปิดโอกาสให้เพื่อนร่วมงานของคุณมีส่วนร่วมกับงานและใช้ความสามารถของพวกเขากับงานที่คุณดูแลอยู่ได้มากขึ้น

ทักษะที่แปด: การยอมรับในความหลากหลาย

 

ทักษะแห่งอนาคตประการที่แปดคือการยอมรับในความหลากหลาย ซึ่งหมายถึงการที่คุณเข้าใจในความแตกต่างและเข้าใจในรากฐานที่มาของความแตกต่างระหว่างคุณและเพื่อนร่วมงานของคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างไร้ความขัดแย้งเพราะผลพวงจากโลกาภิวัฒน์ทำให้พรมแดนเลือนหายไป และคุณอาจต้องทำงานกับคนที่มาจากหลากหลายเชื้อชาติ ภาษา และวัฒนธรรม การยอมรับในความหลากหลายจะทำให้คุณและเพื่อนร่วมงานอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์และคุณสามารถดึงประโยชน์จากความแตกต่างที่มีอยู่มาใช้ในการทำงานให้ได้มากที่สุด

 

ทักษะที่เก้า: ทักษะทางเทคโนโลยี

 

ทักษะแห่งอนาคตที่คุณควรมีอย่างที่เก้าคือทักษะทางเทคโนโลยี ซึ่งไม่ใช่แค่ทักษะทางเทคโนโลยีทั่วไป แต่รวมไปถึงทักษะทางเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์ (AI) บิ้ก ดาต้า (Big Data) หรือบล็อกเชน (Blockchain) ที่ต่างเข้ามามีอิทธิพลในชีวิตประจำวันมากขึ้น ทักษะทางเทคโนโลยีหมายถึงการที่คุณเข้าใจหลักการทำงาน และรู้ถึงวิธีใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์กับตัวคุณเอง การที่คุณมีทักษะทางเทคโนโลยีนั้นหมายถึงโอกาสที่คุณจะใช้เทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการทำงาน รวมไปถึงโอกาสที่จะทำให้คุณสร้างเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ส่งผลกระทบในเชิงบวกต่ออาชีพของคุณอีกด้วย

 

ทักษะที่สิบ: การเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง

 

ทักษะแห่งอนาคตทักษะสุดท้ายที่คุณควรมี และเป็นทักษะที่สำคัญที่สุดที่จะนำพาคุณไปสู่การสร้างทักษะอื่นๆ ก็คือการเตรียบพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง ที่อาจเกิดขึ้นกับตัวคุณเองทั้งในปัจจุบันและอนาคต ในยุคที่ความเปลี่ยนแปลงอาจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงเสี้ยววินาที ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอาจทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นทักษะ สถานที่ทำงาน หรือความคาดหวังต่างๆ ที่คุณมีต่ออนาคตของตัวคุณเอง การเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอจะทำให้คุณปรับตัวไปตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ทั้งสถานการณ์ที่คาดการณ์ได้และสถานการณ์ที่คุณคาดไม่ถึง นอกจากนี้ การเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงจะทำให้คุณเปลี่ยนความคิดว่าความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไม่ใช่อุปสรรคที่ขัดขวางคุณ แต่เป็นความท้าทายใหม่ๆ ที่คุณสามารถก้าวข้ามผ่านมันไปได้ การเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้เองคือการรู้ทันสถานการณ์ของขีวิตคุณอยู่ตลอดเวลาและวางแผนชีวิตของคุณให้ยืดหยุ่นมากขึ้น หรือหากเป็นไปได้ วิธีการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดคือการชิงเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียก่อนที่ความเปลี่ยนแปลงจะมาถึง

 

สรุป

 

ทักษะแห่งอนาคตคือทักษะพื้นฐานที่จะทำให้คุณมีความโดดเด่นเหนือกว่าคนอื่นๆ และทำให้คุณเป็นผู้ที่มีทักษะพิเศษรอบด้านซึ่งไม่สามารถแทนที่ด้วยเทคโนโลยีใดๆ ได้ นอกจากนี้ การที่คุณมีทักษะแห่งอนาคตยังทำให้คุณมีความพร้อมที่จะรับมือต่อความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น และทักษะแห่งอนาคตยังเป็นบันไดให้คุณสามารถพัฒนาไปสู่ทักษะอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตได้อย่างต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุด

Digio joins Visa program to help Thai social commerce sellers accept digital payments

Posted on by admin_beacon_2024

Visa, the world’s leader in digital payments, today announced a program that makes it easier for Thai social commerce sellers (“sellers”) including small businesses and individual merchants to accept digital payments. The program is aimed at equipping homegrown sellers with the right tools to recover and grow stronger in the future.

Under the “Everyone Speaks Visa” program, Visa has partnered with leading FinTech companies in Thailand including DigioKBank Global Payment (KGP), Omise, Pay Solution and 2C2P to enable sellers to accept Visa payments. This means sellers will be able to accept Visa credit, debit, and prepaid cards whether they are selling on social media pages, virtual marketplaces or live chat platforms. The program also welcomes large and small businesses alike, who are looking to improve operational efficiency and customer experience with the acceptance of digital payments.

Suripong Tantiyanon, Country Manager for Visa Thailand, said: “Visa has always been a proud supporter of Thai businesses large and small, helping them to grow through technology and payment innovation. We’re acutely aware that support is particularly important right now for smaller players, such as micro-merchants and individual sellers, as the ecosystem continues to settle into a new normal. So that’s why we are leveraging the power of our network to bring together leading FinTechs to help this untapped segment gain access to digital payment platforms that are fast, convenient and secure.”

In Asia Pacific, eCommerce orders for web-only retailers grew by 23% year-on-year between March 22 to April 4. At the same time, store-based retailers saw their online orders surge by 82% during the same period as a result of store closures, limited in-store inventory and stay at home orders.

In Thailand, a Study conducted by Visa found that more than half of Thai consumers (54 per cent) said they have a more positive experience shopping online than shopping at a physical store. In addition, 67 per cent of Thai consumers surveyed said they are likely to increase their use of eCommerce. At the same time, 7 in 10 (69 per cent) Thais admitted that they are less likely to go back to cash, even after the pandemic ends, citing preference of credit cards, debit cards and mobile apps.

In 2019, over 34 million people in Thailand purchased consumer goods online, with a total market value of around 137 billion baht ($4.31 billion). Of all the payment methods, credit card is the most preferred (32 percent), followed by e-Wallet (25 per cent), bank transfer (20 per cent), cash (12 per cent) and others (11 per cent).

From today, sellers will be able to begin a simple onboarding process through Visa Thailand’s website. Sellers will be able to select which FinTech to partner with and once necessary documents are submitted they can begin accepting Visa payments within one day. The program coincides with the launch of an online marketing campaign that will highlight the benefits of accepting Visa, including speed, convenience and security for both sellers and buyers.

To encourage sellers to adopt digital payments, Visa is giving a 5,000-baht reward at the end of each month to the top 20 new sellers with the highest number of digital payment transactions. The program runs from today to December 2020.

“While today’s challenges may be new, Visa has been solving payment pain points for buyers and sellers for over 60 years. Collectively, our business and our partners are laser-focused on leading economic recovery efforts in the weeks and months ahead, helping businesses and individuals everywhere navigate through these common challenges. These small and individual businesses are the backbone of the Thai economy. We believe in the power of Visa’s network as a force for good, which is why we’re excited to launch the “Everyone Speaks Visa” program,” Suripong concluded.